top of page
QICTechFACTcheckLoGoWhite-2021.jpg

๑๕๐ ปีโทรคมนาคมไทย: เชื่อมอดีตสู่อนาคตดิจิทัล| #ThaiTelecom150 | วิสัยทัศน์ ดร.โกศล เพ็ชร์สุวรรณ์ |150th Anniversary - Thai Telecommunications 2025 | October 2025

  • รูปภาพนักเขียน: K Sripimanwat
    K Sripimanwat
  • 1 วันที่ผ่านมา
  • ยาว 1 นาที

ปีพุทธศักราช ๒๕๖๘ ถือเป็นวาระสำคัญของประเทศ — ครบรอบ ๑๕๐ ปีโทรคมนาคมไทยจากวันที่สายโทรเลขแรกเริ่มต้นในรัชกาลที่ ๕ เชื่อมกรุงเทพฯ กับสมุทรปราการจนถึงยุคที่สัญญาณ 5G แผ่ขยายครอบคลุมทั่วประเทศภายในมือของประชาชนประวัติศาสตร์สายสื่อสารนี้คือการเดินทางอันยาวนานระหว่าง “เทคโนโลยี – อำนาจ – และมนุษย์”


หนึ่งในบุคคลผู้เป็นประจักษ์พยานและผู้สร้างยุคสำคัญของประวัติศาสตร์นี้ คือ ดร.โกศล เพ็ชร์สุวรรณ์ — วิศวกร ผู้บริหาร นักวิชาการ และนักพัฒนาโทรคมนาคม ผู้ก่อตั้ง “สมาคมโทรคมนาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์” และเป็นผู้บุกเบิกความร่วมมือไทย–ญี่ปุ่นในยุคที่เทคโนโลยีการสื่อสารยังไม่เป็นคำที่คุ้นหูในสังคมไทย การสนทนากันครั้งนี้จึงไม่ใช่เพียงการรำลึกอดีต แต่คือการสำรวจ “วิสัยทัศน์ของนักสื่อสารรุ่นบุกเบิก” ผู้มองเห็นพลังของเทคโนโลยีในฐานะสะพานแห่งมนุษยธรรม

ree

๑. พัฒนาการโทรคมนาคมไทย: จากสายโทรเลขถึงยุคดิจิทัล


ดร.โกศล เพ็ชร์สุวรรณ์ เริ่มต้นบทสนทนาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลแต่หนักแน่น โดยย้อนรอยประวัติศาสตร์ให้เห็นภาพตั้งแต่โทรเลขสายแรกที่เริ่มเมื่อ ๑๕๐ ปีที่แล้ว


พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเห็นว่า “การสื่อสารคือหัวใจของรัฐสมัยใหม่” …  “โทรคมนาคมไทยเกิดขึ้นเพราะความเข้าใจของพระมหากษัตริย์ว่า การติดต่อที่รวดเร็วคือหัวใจของความมั่นคง… พอมีโทรเลข ก็เกิดระบบข่าวสาร เกิดการบริหารราชการแบบใหม่ ประเทศก็เริ่มก้าวไปสู่ความทันสมัย”


ดร.โกศล อธิบายว่า ความก้าวหน้าด้านโทรคมนาคมของไทยมีลักษณะ “ก้าวกระโดดเป็นช่วง ๆ”ตามแรงส่งของผู้นำในแต่ละยุค เช่น การตั้งกรมโทรเลขในสมัยรัชกาลที่ ๕ การตั้งองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยในปี ๒๔๙๗ และการเริ่มต้นระบบโทรศัพท์มือถือเชิงพาณิชย์ในทศวรรษ ๒๕๓๐ แต่สิ่งที่ทำให้ไทยเดินต่อได้ไม่ขาดช่วง คือ “การถ่ายทอดความรู้และความเข้าใจเชิงระบบ” ซึ่งดร.โกศลกล่าวว่า “เทคโนโลยีเปลี่ยนได้ แต่ระบบคิดนี้ต้องไม่เปลี่ยน”


“ญี่ปุ่นพัฒนาได้เพราะเขาสร้างระบบความรู้ ไม่ใช่แค่เทคโนโลยี...ไทยเรามักซื้อเทคโนโลยีแต่ไม่ซื้อมโนทัศน์ ทำให้ของดีอยู่ได้ไม่นาน”
“ญี่ปุ่นพัฒนาได้เพราะเขาสร้างระบบความรู้ ไม่ใช่แค่เทคโนโลยี...ไทยเรามักซื้อเทคโนโลยีแต่ไม่ซื้อมโนทัศน์ ทำให้ของดีอยู่ได้ไม่นาน”

๒. บทบาทและวิสัยทัศน์ 


ดร.โกศลเป็นทั้งผู้สร้างระบบและผู้มองระบบ เขาเริ่มทำงานกับหน่วยงานด้านโทรคมนาคมตั้งแต่ช่วงที่เทคโนโลยียังเป็น “อนาล็อกเต็มรูปแบบ” ก่อนจะได้รับทุนจากรัฐบาลญี่ปุ่นไปศึกษาดูงานกับบริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น


“ตอนนั้นผมไปดูงานที่ญี่ปุ่น แล้วเห็นว่าทำไมเขาเติบโตได้เร็วขนาดนี้ ก็เพราะเขามีทั้งระบบราชการที่คล่องตัวและภาคเอกชนที่คิดเองได้… กลับมาประเทศไทย ผมพยายามผลักดันให้เกิดความร่วมมือระหว่างรัฐกับเอกชน แต่ก็ยาก เพราะเรายังติดกับคำว่า ราชการ


ในช่วงทศวรรษ ๒๕๒๐–๒๕๓๐ ได้เริ่มรณรงค์ให้เกิดการรวมพลังของคนในแวดวงโทรคมนาคมไทยจนสามารถก่อตั้ง “สมาคมโทรคมนาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์”ซึ่งกลายเป็นศูนย์กลางของผู้เชี่ยวชาญด้านโทรคมนาคมทั้งภาครัฐและเอกชน


ดร.โกศล มองว่า 

“สมาคม” คือพื้นที่ที่ทำให้คนทุกฝ่ายได้เรียนรู้ร่วมกันโดยไม่ต้องแบ่งสายอำนาจ

“ตอนนั้นผมคิดแค่ว่า ถ้าไม่มีที่ให้วิศวกร โทรคมนาคม และนักกฎหมายมาคุยกัน ประเทศจะไม่เดินหน้า สมาคมจึงเป็นสะพาน ไม่ใช่สำนักราชการ”


๓. โทรคมนาคมไทยกับแรงบันดาลใจจากญี่ปุ่น


หนึ่งในประเด็นที่ดร.โกศลเล่าด้วยความภาคภูมิใจ คือบทบาทของญี่ปุ่นในฐานะ “ครูผู้ถ่ายทอดระบบโทรคมนาคม” ให้กับไทย โดยกล่าวว่า หลังสงครามโลกครั้งที่สอง ญี่ปุ่นฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วเพราะรัฐบาลให้ความสำคัญกับการสื่อสารไม่ว่าจะเป็นโทรเลข วิทยุ หรือโทรศัพท์


“ญี่ปุ่นมองการสื่อสารเป็นเรื่องของมนุษยชาติ ไม่ใช่เรื่องของกำไร เขามีคำว่า communication is civilization คือถ้าคนสื่อสารกันเข้าใจ ประเทศจะเจริญ”
“ญี่ปุ่นมองการสื่อสารเป็นเรื่องของมนุษยชาติ ไม่ใช่เรื่องของกำไร เขามีคำว่า communication is civilization คือถ้าคนสื่อสารกันเข้าใจ ประเทศจะเจริญ”

แนวคิดนี้เองที่เขาพยายามนำมาปลูกฝังในวงการไทย โดยเฉพาะการสร้าง “ระบบการเรียนรู้” ที่ต่อเนื่องระหว่างรุ่นอาจารย์กับนักศึกษา

“สิ่งที่ผมอยากให้เกิดในไทยคือระบบสืบทอดความรู้จากรุ่นสู่รุ่น ไม่ใช่ต่างคนต่างทำงาน...เพราะเทคโนโลยีมันไปเร็ว แต่คนเราต้องคิดทัน ไม่งั้นก็ถูกกลืน”

๔. โทรคมนาคมในยุคดิจิทัล: ความเร็วที่ต้องไม่ลืมฐานราก


เมื่อพูดถึงยุคปัจจุบัน ดร.โกศลยอมรับว่าเทคโนโลยีสื่อสารของไทยพัฒนาไปไกลมากแต่กลับตั้งคำถามสำคัญว่า “เรารู้จริงหรือเพียงใช้เป็น?” “เราใช้โทรศัพท์เก่ง แต่ไม่รู้ว่าเบื้องหลังมันทำงานยังไง ถ้าคนรุ่นใหม่ไม่เข้าใจระบบ มันก็เหมือนเรามีของดีแต่ใช้ไม่เป็น”


โดยย้ำว่า การเข้าสู่ยุคดิจิทัลไม่ใช่เพียงการปรับตัวทางเทคนิค แต่เป็น “การเปลี่ยนจิตวิญญาณของการสื่อสาร” ให้กลับไปมีมนุษยธรรมเหมือนในยุคที่โทรคมนาคมเริ่มต้น

“ในอดีต โทรเลขหนึ่งฉบับต้องคิดแล้วคิดอีกก่อนส่ง เพราะมันมีค่าทุกคำที่เขียนจึงมีความหมาย แต่วันนี้เราพิมพ์อะไรก็ได้ ส่งอะไรก็ได้ ความเร็วไม่ควรกลืนความหมาย นี่คือสิ่งที่ผมเป็นห่วงที่สุดในยุคดิจิทัล”

๕. โทรคมนาคมกับการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้


ดร.โกศลมองว่า โทรคมนาคมไม่ใช่แค่เรื่องของเครื่องมือ แต่คือ “วัฒนธรรมแห่งการสื่อสาร” ที่จะกำหนดอนาคตของประเทศ “ผมอยากเห็นโทรคมนาคมไทยเป็นเครื่องมือของการศึกษา เป็นสะพานให้คนเรียนรู้ ไม่ใช่เครื่องมือของความบันเทิงเพียงอย่างเดียว”


โดยเชื่อว่าหากประเทศใดใช้โทรคมนาคมเพื่อสร้างความรู้มากกว่าการบริโภค ประเทศนั้นจะยืนได้อย่างยั่งยืนและย้ำว่าความร่วมมือระหว่างคนรุ่นต่าง ๆ คือหัวใจของการพัฒนาในอนาคต

“คนรุ่นใหม่มีเทคโนโลยี แต่คนรุ่นเก่ามีบริบท ถ้าสองรุ่นนี้ไม่คุยกัน ประเทศก็เดินคนละทาง”

๖. ประวัติศาสตร์และสังคมวิทยา


จากคำบอกเล่าของดร.โกศล จะเห็นได้ว่าประวัติศาสตร์โทรคมนาคมไทยไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของเทคโนโลยี แต่เป็น “เรื่องของวัฒนธรรมการเรียนรู้”


  • ในมิติประวัติศาสตร์ โทรคมนาคมเป็นสัญลักษณ์ของความทันสมัยในรัชกาลที่ ๕ และเป็นกลไกสำคัญของรัฐสมัยใหม่ที่เน้น “การควบคุมด้วยการสื่อสาร”

  • ในมิติทางสังคม โทรคมนาคมสร้างโครงสร้างใหม่ของอำนาจและเศรษฐกิจทำให้เกิดอาชีพ วิศวกร นักสื่อสาร และผู้ประกอบการสื่อ

  • ในมิติทางวัฒนธรรม โทรคมนาคมสะท้อนพัฒนาการของ “จิตสำนึกการเชื่อมต่อ”


จากยุคที่คนรอจดหมายเป็นเดือน สู่ยุคที่โลกทั้งใบอยู่ในฝ่ามือ ... แต่สิ่งที่น่าคิดตามคือ แม้เทคโนโลยีจะก้าวกระโดด แต่ “วัฒนธรรมการสื่อสาร” ของไทยยังคงมีช่องว่าง เรายังไม่เข้าใจ “คุณค่าของการส่งต่อสาร” ในเชิงคุณภาพมากพอดังนั้นสิ่งที่ดร.โกศลพยายามย้ำอยู่เสมอ คือ 

“อย่าให้ความเร็วกลืนความหมาย”
ree

๗. บทสรุปเชิงสะท้อน


หนึ่งร้อยห้าสิบปีของโทรคมนาคมไทยจึงไม่ใช่เพียงเส้นทางของเทคโนโลยีแต่คือการเดินทางของ “จิตวิญญาณการสื่อสาร” จากโทรเลขในรัชกาลที่ ๕ ถึงสมาร์ทโฟนในศตวรรษที่ ๒๑หัวใจของมันไม่เคยเปลี่ยน — คือ “การเชื่อมโยงมนุษย์เข้าหากัน”

“ผมอายุมากแล้ว แต่ผมยังอยากเห็นคนรุ่นใหม่ใช้เทคโนโลยีเพื่อเชื่อม ไม่ใช่เพื่อแยก โทรคมนาคมคือการทำให้คนเข้าใจกัน ไม่ใช่แข่งขันกัน”

นี่คือสารจากนักวิศวกรผู้บุกเบิกจึงกลายเป็นบทเรียนร่วมสมัยว่า “การสื่อสารที่แท้จริง” ไม่ได้อยู่ที่เครื่องมือ แต่อยู่ที่ “หัวใจของผู้ส่งและผู้รับ” และนั่นคือสิ่งที่โทรคมนาคมไทยต้องรักษาไว้ในอีก ๑๕๐ ปีข้างหน้า

(coming soon -- วีดีโอ 🔔 )


-- จากบทสนทนา ๑๔ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๘ (เกียรติศักดิ์ ศรีพิมานวัฒน์) 


ree

The Sesquicentennial of Thai Telecommunications

(Official Web)

(List of activities)

"เรียนรู้ประวัติศาสตร์ เพื่ออนาคตที่ผิดพลาดน้อยลง

IEEE ComSoc Oral History -- สนับสนุนโดย 

สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) 

หน่วยงานหลัก (Organizer)
ree

และภาควิชาฟิสิกส์และวัสดุศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่


หมายเหตุ:

ร่วมเสนอแนะ สนับสนุน ประสานกิจกรรมได้ที่ contact email: thailand_chapter@comsoc.org

Alliance:


Disclaimer:

#ThaiTelecom150 - a public serving project by volunteers 

no conflict of interest & none of personal agenda involved

 

Welcome volunteers !

ความคิดเห็น


FEATURED POSTS

FOLLOW US

  • Facebook Long Shadow

 

DROP US A LINE 

Your details were sent successfully!

  • Facebook page

Disclaimer: Science Web  (ดำเนินงานโดยอาสาสมัครเพื่อสาธารณะ) -- We are all volunteers !

เวปวิชาการนี้เป็นศูนย์รวมกิจกรรมไอทีสาขาใหม่บนพื้นฐานวิชาฟิสิกส์แขนงกลศาสตร์ควอนตัม (Quantum Mechanics)

มิได้เกี่ยวข้องกับสินค้า บริการ ความเชื่อ และการสร้างภาพลักษณ์ซ้อนเร้นบุคคลหรือองค์กรใดที่นำชื่อควอนตัมไปใช้

อีกทั้งนโยบายควอนตัมเกินจริงและการพ่วงขายเทคโนโลยีไอทีควอนตัมที่ระบาดเข้าสู่ประเทศไทย [1] [2] 

หากเพื่อร่วมสร้างสรรค์สังคมอุดมปัญญาไทยด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

About Us - Contact: ++02 5647000  (อยู่ระหว่างรอหมายเลข สนง.ใหม่)   Email: thailand_chapter@comsoc.org  

UNESCO-IDL
OQC

Q-Ti - Q-Thai.org - Quantum-Thai.org
Thai Quantum Information Forum

since 2014 © copyright 

Thanks for submitting !

  • Facebook page
bottom of page