“วิทยาศาสตร์ ศีลธรรม และกับดักระบบราชการไทย” | ดร.โกศล เพ็ชร์สุวรรณ์ | ตุลาคม ๒๕๖๘ | #ThaiTelecom150 #IYQ2025 #ThaiYQ2025 |
- Q-Thai Admin

- 2 วันที่ผ่านมา
- ยาว 2 นาที
บทสนทนากับ รศ.ดร.โกศล เพ็ชร์สุวรรณ์ อดีตอธิการบดี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร ลาดกระบัง ความเห็นต่อ “แผนที่นำทางการพัฒนาเทคโนโลยีควอนตัมของประเทศไทย พ.ศ. 2563-2572” และ “ควอนตัมศรีธนญชัย” ในโอกาสกิจกรรมร่วม ‘๑๕๐ ปีโทรคมนาคมไทย’ กับ 'หนึ่งร้อยปีควอนตัมโลก ครึ่งศตวรรษควอนตัมไทย’ พ.ศ.๒๕๖๘

คำนำ -- ในห้วงเวลาที่วงการวิทยาศาสตร์ไทยกำลังยืนอยู่ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีโลก เสียงสะท้อนจากผู้บุกเบิกผู้หนึ่งได้ส่งสัญญาณเตือนถึง “หัวใจของการพัฒนา” ซึ่งไม่อาจอาศัยเพียงความก้าวหน้าทางเทคนิค หากแต่ต้องยืนอยู่บนรากฐานของจริยธรรม วินัย และคุณธรรมแห่งความเป็นนักวิชาการอย่างแท้จริง “รศ.ดร.โกศล เพ็ชร์สุวรรณ์” คือหนึ่งในบุคคลสำคัญผู้มีบทบาทต่อการก่อร่างโทรคมนาคมไทยและการศึกษาด้านวิศวกรรมในประเทศ ผู้เป็นทั้งครู นักสร้างระบบ และผู้ผลักดันความร่วมมือทางวิชาการระหว่างไทยกับญี่ปุ่นตั้งแต่ทศวรรษ 2510–2530 ผู้ร่วมก่อตั้งและนายกสมาคมโทรคมนาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ และเป็นผู้วางรากฐานให้สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังก้าวสู่การเป็นมหาวิทยาลัยวิจัยจากสถานศึกษาชานเมืองที่มีคะแนนสอบเข้าต่ำสุดของเขตส่วนกลางในอดีต ได้มาแบ่งปันแนวคิด ความเห็น และประสบการณ์เกี่ยวกับประเด็น “จริยธรรม–ธรรมาภิบาล–ผลประโยชน์ทับซ้อน” ในวงการวิทยาศาสตร์ไทย รวมถึง “ส่งต่อ” ข้อเสนอแนะต่อคนรุ่นหลังที่ต้องสืบต่อภารกิจทางวิชาการด้วยความรับผิดชอบต่อ ๆ ไป
๑) รากฐานแห่งจริยธรรมและธรรมาภิบาลวงการวิทยาศาสตร์ไทย
จากบรรยากาศทั่วไปของบ้านเมืองไทย พ.ศ.2568 การสนทนาจึงเริ่มต้นขึ้นด้วยแนวเรื่องเดียวกัน “จริยธรรม ธรรมาภิบาล และผลประโยชน์ทับซ้อน” ในวงการวิทยาศาสตร์ไทย ดร.โกศล เพ็ชร์สุวรรณ์ เกริ่นด้วยน้ำเสียงสงบแต่หนักแน่นว่า
“ประเทศไทยเรายังอ่อนทางวิชาการมาก สิ่งที่น่าห่วงที่สุดคือวินัย เพราะถ้านักวิชาการไม่มีวินัย ไม่ยึดคุณค่าทางวิชาการเป็นหลัก ผลงานจะไม่มีคุณภาพและไม่มีทิศทางที่ถูกต้อง”
โดยเน้นย้ำว่า “Academic Merit” หรือ “คุณค่าทางวิชาการ” คือสิ่งที่ต้องเป็นหลักของทุกการตัดสินใจ ไม่ว่าจะในห้องเรียน ห้องแล็บห้องปฏิบัติการ การกำหนดนโยบาย หรือการบริหารทุนวิจัย หากละเลยสิ่งนี้แม้เพียงเล็กน้อย เช่น การยอมรับเด็กฝาก หรือการประนีประนอมกับระบบ “ฝากฝัง” เพื่อพวกพ้องก็เท่ากับปล่อยให้ระบบคุณธรรมถูกสั่นคลอน
“ผมทำงานด้านการศึกษาและยึดหลักนี้มาตลอด ไม่ว่าจะอยู่ที่ลาดกระบัง หรือโรงเรียนวิทยาศาสตร์ฯ กล้าพูดได้เลยว่าผมไม่รับเด็กฝากแม้แต่คนเดียว ความโปร่งใสต้องหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์”
สำหรับดร.โกศล ‘จริยธรรม’ จึงไม่ใช่คำหรูในเอกสาร หากคือ “วินัยในตัวเอง” ที่ต้องฝึกฝนและยึดมั่นโดยไม่ต้องมีใครตรวจสอบ โดยเรียกสิ่งนี้ว่า “รากของคุณภาพมนุษย์ทางวิทยาศาสตร์” จึงเป็นบทสรุปแรกเริ่มจากข่าวสังคมทั่วไปลงลึกมาสู่วงการวิทยาศาสตร์
๒) วิพากษ์แผนที่นำทางฯควอนตัม “กระจกบานใหญ่สะท้อนศรีธนญชัยวงการวิทย์ไทย”
ต่อเนื่องมายังหัวข้อการสนทนาที่เป็นประเด็นสำคัญ คือ “แผนที่นำทางการพัฒนาเทคโนโลยีควอนตัมของประเทศไทย พ.ศ. 2563-2572” อันเป็นที่กล่าวถึงในสังคมวิทย์ไทยเนื่องจากผ่านเส้นทางมาถึงครึ่งเวลาของแผนที่นำทางนั้นแล้ว อันมาพร้อมกับเรื่องราวที่ถูกกล่าวถึงความพิลึกพิลั่นด้านวิทยาศาสตร์แนวแฟนตาซีหรือเกินจริง โดยหนังสือการ์ตูน “ควอนตัมศรีธนญชัย” หยิบยกเหตุที่มาต้นนำ้อันเกี่ยวข้องกับรายงานแผนที่ฯของภาครัฐดังกล่าวมาสรุปสื่อสารวิทยาศาสตร์สู่สังคม โดย อดีตอธิการฯโกศลมีความเห็นบนสามประเด็นเหตุหลัก อันได้แก่ (๑) วัฒนธรรมการสร้างภาพลักษณ์และรางวัลคำสรรเสริญ (๒) อาชญากรรมวิชาการ เช่น การคัดลอกผลงาน การซื้อผลงาน การนั่งเทียนสร้างผล รับรางวัลที่เคยมอบ และ (๓) ผลประโยชน์ทับซ้อนในวงการวิทยาศาสตร์ไทยที่พันลึกอยู่ในหัวข้อดังกล่าวนี้ โดยเอ่ยอย่างตรงไปตรงมาว่า ...
“มันเป็นวิถีชีวิตของคนไทย เราทำงานกันด้วยพวกพ้อง การตัดสินใจมักอยู่บนพื้นฐานของความสัมพันธ์ ไม่ใช่คุณค่าเชิงวิชาการจริง ๆ”
โดยเห็นว่าปัญหาเชิงโครงสร้างนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่สืบเนื่องยาวนานจากวัฒนธรรมราชการที่ฝังรากลึกในสังคมไทย ความคิดแบบ “ระบบพี่น้อง” ที่กลายเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาองค์ความรู้และนวัตกรรมอย่างเที่ยงแท้
“ในระบบราชการของเรา ความคิดยังติดอยู่กับการทำงานเพื่อให้ตนเองมีตำแหน่งสูงขึ้น มันไม่ใช่การสร้างสรรค์เพื่อสังคม … คนที่ทำราชการก็มักมองว่าความก้าวหน้าของตนคือผลงานสูงสุด แต่ไม่มีอะไรต่อเนื่องที่จะเกิดผลต่อประเทศ”

และทักเตือนด้วยว่าความโปร่งใสของประเทศไทยอยู่ในระดับเดียวกับประเทศที่มีปัญหาความวุ่นวายทางการเมือง “นี่คือกับดักของประเทศไทย” และกล่าวเพิ่มว่า “เพราะเรายังไม่แยกให้ออกระหว่างงานเพื่อประชาชนกับงานเพื่อชื่อเสียงของตนเอง”
สิ่งที่ปรากฏอยู่ในแผนยุทธศาสตร์ระดับชาติอันเป็นที่กล่าวขานหลากหลายด้าน ถูกอธิบายด้วยประโยคที่ปราศจากคำด้านเทคนิคใด ๆ สื่อความหมายลงถึงรากแก้วแก่นแท้ แม้มึนงงอยู่นานในการรับฟังครั้งแรก แต่ในที่สุดความหมายจึงปรากฏเมื่อลำดับภาพได้ตั้งแต่ 'รากฐานแห่งจริยธรรม' เหตุต้นกำเนิดตลอดกว่าสี่สิบของวงการวิทย์ไทย ซึ่งรากนั้นนำมาสู่ลำต้น กิ่ง ใบ จนกลายมาเป็นผลที่อยู่ในแผนควอนตัมดังกล่าวนั่นเอง

๓) “ระบบราชการ” รากที่ฝังลึกและกับดักความคิด
เมื่อพิจารณาถึงหนึ่งในเมล็ดพันธุ์วัฒนธรรมตัวอย่างด้วยกรณีรางวัลของวงการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่มีลักษณะ “มอบให้กันเอง” สร้างภาพลักษณ์ต่อเนื่องกันมากระท่ังมาเกี่ยวพ่วงกับภาพลักษณ์จากความขลังของคำว่าควอนตัมอีก ดร.โกศลหัวเราะเบา ๆ ก่อนตอบว่า
“ในมุมเอกชน มันไม่เหมาะแน่นอน แต่ในมุมราชการ เขามองว่าเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ เพราะระบบนี้มันอยู่ในความคิดมานานจนแยกไม่ออกแล้วว่าอะไรเหมาะหรือไม่เหมาะ”
โดยอธิบายต่อว่า จุดอ่อนสำคัญของระบบราชการไทยคือการ “ยึดติดกับตำแหน่ง มากกว่าผลสัมฤทธิ์ของงาน”
“ความก้าวหน้าในราชการจึงกลายเป็นเป้าหมายส่วนบุคคล ไม่ใช่เป้าหมายของประเทศ”
ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นก่อตั้งสถาบันฯ “ผมเคยบอกนักศึกษาที่ลาดกระบังเลยว่า เมื่อจบจากที่นี่ (หากมิได้มีจิตใจที่คิดให้บริการ) อย่าไปรับราชการ” เพราะราชการกินเงินเดือนจากภาษี แต่งานราชการไม่สร้างเศรษฐกิจ ไม่สร้างสรรค์อะไรใหม่ ๆ “ราชการต้องมีหน้าที่ให้บริการประชาชน ไม่ใช่ปกครองคน”
คำพูดนี้สะท้อนความคิดเชิงโครงสร้างที่เฉียบคมและหายากจากคนในวงราชการเอง เพราะสำหรับภาพที่สะท้อนออกมาถึง “ความเจริญของชาติ” นั้นต้องเกิดจากภาคเอกชนที่สร้างผลงานจริง มิใช่เพียงการจัดประชุม เขียนรายงาน หรือจัดเวทีสรรเสริญมอบรางวัลกันเอง


๔) ทางออก: “นิสสัคคิยปาจิตตีย์” และการคืนโอกาสให้คนรุ่นใหม่
จากการสำรวจ วิเคราะห์และนำเสนอกับกิจกรรมวิชาการสาธารณะต่าง ๆ ในอดีต รวมถึงในหนังสือ “ควอนตัมศรีธนญชัย” ดังกล่าวซึ่งได้เสนอแนวคิดกับการหาทางออกให้สังคมวงการวิทยาศาสตร์ไทยด้วยหลักธรรมะ “นิสสัคคิยปาจิตตีย์” หรือการสารภาพของรากแก้วรุ่นเก่าแล้วคืนโอกาสให้คนรุ่นหลัง เป็นอีกหนึ่งประเด็นสนทนากับ ดร.โกศล ว่าแนวคิดนี้เป็นไปได้หรือไม่
“เป็นวิธีคิดที่ดีครับ” เสียงตอบอย่างสุขุม “แต่ว่าคนที่เราเชิญมา ส่วนใหญ่ก็เป็นคนเดิม ๆ ทั้งนั้น และคนเหล่านี้เองก็ยังไม่สามารถทำอะไรขึ้นมาได้ เพราะความคิดมันยังเป็นแบบเดิม”

และมองว่าการปฏิรูปต้องเริ่มจากการเปลี่ยนวิธีคิดของสังคม ไม่ใช่เพียงเชิญคนเก่ามาพูดเรื่องใหม่ เพราะ “ถ้าใช้ความคิดแบบเดิม เราก็จะวนอยู่ในกับดักเดิม”
“สิ่งที่ผมอยากเห็นคือภาคเอกชนเข้มแข็ง มีความรู้สึกเป็นเจ้าของประเทศจริง ๆ ราชการมีหน้าที่ช่วย ไม่ใช่เป็นเจ้านายประชาชน บ้านเราเริ่มต้นผิดตั้งแต่คำว่า ‘ราชการ’ แล้ว เพราะเรายังคิดว่าราชการคือผู้ปกครอง”
สำหรับ ดร.โกศล การพัฒนาวิทยาศาสตร์ไทยต้องเปิดทางให้ “เอกชนและประชาชนมีส่วนร่วม” โดยรัฐทำหน้าที่สนับสนุนอย่างแท้จริง และย้ำอีกว่า
“ประเทศญี่ปุ่นเจริญได้เพราะเอกชนเป็นตัวนำ รัฐเป็นผู้ช่วย ไม่ใช่กลับกัน”
ทางออกนี้จึงมีความหมายว่า รถไฟสายเทคโนโลยีไทยขบวนใหม่จำต้องแล่นผ่านกับดักหลุมพรางภาพลักษณ์จากระบบราชการรุ่นเก่าไปให้จงได้ โดยมีภาคประชาสังคมสังคมหรืออุตสาหกรรมมาช่วยนำทางพร้อมเปลี่ยนรางขับเคลื่อนขบวน
๕) วินัย ความโปร่งใส และคุณค่าทางวิชาการ
เมื่อถามถึง “ฝากถึงผู้บริหารวงการวิทยาศาสตร์รุ่นหลัง” เพื่อหลุดพ้นจากวังวน ดร.โกศลตอบสั้น ๆ แต่ทรงพลังว่า
“วินัยอย่างเดียวครับ วินัยคือการยึดหลักการ ยึดเป้าหมาย คนไทยอ่อนเรื่องวินัย”
และเชื่อว่าความเจริญของประเทศขึ้นอยู่กับวินัยทางความคิดของคน ถ้านักวิชาการยึดหลักได้ ไม่ยอมอ่อนข้อให้กับอิทธิพลหรือระบบฝากฝัง (อุปถัมภ์ พวกพ้อง) จนเกิดเป็นพฤติกรรมเลียนแบบดั่งที่เคยเป็นมาประเทศก็จะมีทางรอด
๖) คำแนะนำสู่คนรุ่นใหม่: ความต่อเนื่องของอุดมการณ์
ในช่วงท้ายของการสนทนา อาจารย์ยังได้พูดถึงความยั่งยืนของการทำงานเชิงอุดมการณ์ โดยเห็นว่าคนรุ่นใหม่มักหมดไฟเร็ว เพราะขาดแบบอย่างและขาดระบบที่ต่อยอดได้
“คนแก่มีหน้าที่อย่างเดียว คือกระตุ้นให้คนรุ่นใหม่มีกำลังใจและรักษาแพสชัน (passion) ไว้ ทุกอย่างถึงจะยั่งยืน”
และเพิ่มเติมด้วยความถ่อมตัวว่า สำหรับตนเองในวัยกว่าแปดสิบกว่าปี หน้าที่สำคัญคือ “ส่งต่อ” ไม่ใช่ “สั่งสอน” โดยเชื่อว่าการเปลี่ยนผ่านรุ่นคือหัวใจของความต่อเนื่องทางวิทยาศาสตร์ และการปลูกฝังจิตสำนึกนี้คือภารกิจที่คนรุ่นก่อนต้องรับผิดชอบ (โดยปราศจากการยึดติดกับอำนาจ ตำแหน่ง หรือแฝงตัวอยู่บนและหลังเวทีของคนรุ่นใหม่)
๗) สังคมวิทยากับวิทยาศาสตร์ไทย
อาจารย์โกศลสะท้อนภาพรัฐพันลึก (deep state) หรือโครงสร้างอำนาจในวงการวิทยาศาสตร์ไทยที่ซับซ้อนกว่าที่มักเข้าใจกันในมุมเชิงเทคนิคว่า ปัญหาของวงการนี้ไม่ได้อยู่ที่ขาดคนเก่งหรือขาดทุนวิจัย หากอยู่ที่ “วัฒนธรรม” ซึ่งไม่เอื้อต่อความโปร่งใสและการสร้างองค์ความรู้ใหม่ ทั้ง
หนึ่ง ระบบราชการยังเป็นศูนย์กลางของการกำหนดทิศทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งต่างจากประเทศพัฒนาแล้วที่ภาคเอกชนเป็นผู้นำ
สอง วัฒนธรรมการสร้างภาพลักษณ์ รางวัล และสรรเสริญกันเองกลายเป็น “อุปสรรคเชิงจิตสำนึก” ที่ทำให้คนรุ่นหลังเรียนรู้ผิดทาง (เลียนแบบทำตามอย่าง)
สาม การขาดวินัยและความรับผิดชอบทางวิชาการทำให้ผลงานจำนวนมากไม่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล
และเอ่ยถึงคำว่า “ควอนตัมศรีธนญชัย” เป็นได้ทั้งคำเปรียบเปรยและคำเตือนต่อการใช้ปัญญาเพื่อผลส่วนตน แม้จะเฉลียวฉลาดเพียงใด ก็ไม่อาจนำพาสังคมสู่ความเจริญได้ ความเฉลียวที่ขาดคุณธรรมย่อมกลายเป็น “กลศึกหลอกลวง” มากกว่าพลังสร้างสรรค์
จึงเสนอแนวทางที่คล้ายกับที่ระบุในหนังสือฯ อาทิ “เส้นทางกลับตัวกลับใจ” ของระบบดั้งเดิม นั่นคือ การปลูกฝังวินัยในความคิด และเน้นไปที่การให้โอกาสคนรุ่นใหม่ได้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง แม้จะเป็นหนทางยาวไกล แต่เป็นเส้นทางเดียวที่ประเทศจะหลุดพ้นจาก “กับดักความคิดแบบราชการ”
บทสรุป
บทเรียนชีวิตกว่าแปดทศวรรษจากบุคลากรอาวุโสสำคัญท่านนี้ทำให้เห็นภาพได้ชัดขึ้นว่าความเจริญของวิทยาศาสตร์ไทย หาได้ขึ้นอยู่กับเครื่องมือหรือเทคโนโลยีใด หากอยู่ที่ “วินัยทางจิตวิญญาณของนักวิทยาศาสตร์” โดยเชื่อมั่นว่า หากคนรุ่นใหม่รักษาความซื่อสัตย์ในวิชาชีพ มีจริยธรรม และกล้าที่จะวิพากษ์สิ่งผิด ระบบวิทยาศาสตร์ไทยจะยืนได้ด้วยตัวเองในที่สุด “ความโปร่งใสไม่ใช่เรื่องของนโยบาย แต่เป็นเรื่องของใจ วินัย และการเคารพในคุณค่าของวิชาการ” เมื่อร่วมกับถ้อยคำแนะนำท้ายสุดนี้แล้ว ทั้งหมดคือสารที่เรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง เตือนให้วงการวิทยาศาสตร์ไทยระลึกว่า “ศีลธรรม” คือรากของ “วิทยาศาสตร์” ที่แท้จริง และเมื่อราก (ใหม่) มั่นคงประเทศจึงจะเติบโตสู่ลำต้น กิ่ง ใบ และผลได้อย่างยั่งยืน
-- สนทนา ดร.โกศล เพ็ชร์สุวรรณ์ (สิงหาคม ๒๕๖๘) - IEEE ComSoc & QuantumIT Thailand
| “เข็มทิศควอนตัมไทย” | บทวิพากษ์แผนที่นำทางและเสียงทักเตือน | ศ.ชิดชนก เหลือสินทรัพย์ | October 2025 |
โครงการหนึ่งร้อยปีควอนตัมโลก ครึ่งศตวรรษควอนตัมไทย
100th World & 50th Thai Quantum S&T Anniversary
(เวปหลักโครงการ - Officiall Web)
(รายละเอียดและกิจกรรม - Updated activities)
The Sesquicentennial of Thai Telecommunications
(เวปหลักโครงการ - Main Web)
(รายละเอียดและกิจกรรม - Updated activities)
"เรียนรู้ประวัติศาสตร์ เพื่ออนาคตที่ผิดพลาดน้อยลง"
IEEE ComSoc Oral History -- สนับสนุนโดย
สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)
หน่วยงานหลัก (Organizer)
และภาควิชาฟิสิกส์และวัสดุศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
หมายเหตุ:
ร่วมเสนอแนะ สนับสนุน ประสานกิจกรรมได้ที่
contact email: thailand_chapter@comsoc.org
Alliance:
Disclaimer:
#ThaiTelecom150 & IYQ #ThaiYQ2025 - a public serving project by volunteers
no conflict of interest & none of personal agenda involved
๐
Welcome volunteers !
๐
ชุดคอลัมน์ 'เตือนใจควอนตัมไทย'
“เรียนรู้ประวัติศาสตร์ เพื่ออนาคตที่ผิดพลาดน้อยลง”























































ความคิดเห็น