“ยุทธศาสตร์วิทยาศาสตร์ (ควอนตัม) ไทย” | มุมมองของ ศ.ดร.สุทัศน์ ยกส้าน - ราชบัณฑิต | October 2025 | #IYQ & #ThaiYQ2025
- Q-Thai Admin

- 6 ชั่วโมงที่ผ่านมา
- ยาว 2 นาที
บทสนทนายามบ่ายกับ ศ.ดร.สุทัศน์ ยกส้าน บนอาคารอดีตทบวงมหาวิทยาลัยถนนศรีอยุธยาเพื่อทบทวนฐานราก “ยุทธศาสตร์วิทยาศาสตร์ไทย” ตั้งแต่อดีตโดยมี “แผนที่นำทางการพัฒนาเทคโนโลยีควอนตัมของประเทศไทย พ.ศ. 2563–2572” เป็นกรณีศึกษา เมื่อวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๖๘
บทนำ - เมื่อประวัติศาสตร์ไม่ควรถูกลืม
นักฟิสิกส์ผู้เป็นทั้งนักวิทยาศาสตร์ นักสื่อสาร และนักคิดเชิงนโยบายผู้ติดตามพัฒนาการของวงการวิทยาศาสตร์ไทยมากว่าครึ่งศตวรรษ ศาสตราจารย์สุทัศน์ ผู้เชี่ยวชาญวิทยาการด้านตัวนำยวดยิ่ง (superconductor) เป็นหนึ่งผู้บุกเบิกการศึกษาฟิสิกส์ยุคใหม่ในประเทศไทย และมีบทบาทสำคัญต่อการวางรากฐานการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ รวมถึงเป็นนักเขียนบทความวิทยาศาสตร์ที่คนทั่วไปจดจำ ผู้ทำให้เรื่องยากกลายเป็นเรื่องเข้าใจง่าย และในปี ค.ศ. 2025 พ.ศ. 2568 นี้ซึ่งตรงกับวาระครบรอบ “100 ปีแห่งกำเนิดกลศาสตร์ควอนตัม” โลกต่างเฉลิมฉลองความก้าวหน้าของวิทยาศาสตร์แขนงนี้ ขณะที่ในประเทศไทยมีจัดกิจกรรมบ้างประปราย ปรมาจารย์ฟิสิกส์ไทยผู้นี้จึงชวนตั้งคำถามว่า เหตุใดเราจึงยังไม่อาจใช้โอกาสเช่นนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการสร้าง “สำนึกทางวิทยาศาสตร์ร่วมสมัย” ที่ยั่งยืนได้เสียที
๑) ที่มา ที่ไป และนโยบายของแผนยุทธศาสตร์วิทยาศาสตร์ไทย
“ยุทธศาสตร์วิทยาศาสตร์ไทย” มิใช่เรื่องใหม่ หากย้อนกลับไปมากกว่า 40 ปี จะพบว่าทุกยุคต่างมีความพยายามวาง “แผนแม่บทวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี” เพื่อผลักดันประเทศสู่ความเป็นชาติอุตสาหกรรมใหม่ แต่ในทางปฏิบัติ แผนเหล่านี้มักถูกจัดทำในห้องประชุมของหน่วยงานรัฐโดยมีกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียร่วมด้วยน้อย อาจารย์สุทัศน์ เล่าด้วยน้ำเสียงเรียบแต่แฝงด้วยความห่วงใยว่า
“ในเมืองไทยของเรายังไม่ค่อยจะมีกิจกรรมทางวิทยาศาสตร์ที่เปรียบเทียบได้กับต่างประเทศ” … “เด็กนักเรียนอยากรู้มากเรื่องควอนตัม แต่เขาไม่รู้จะเริ่มตรงไหน โรงเรียนก็ไม่ได้พูดถึงสิ่งที่นักวิจัยทำกันจริง ๆ”
มองว่าระบบการวางนโยบายมักเริ่มจาก “ปลายทาง” คือการประกาศวิสัยทัศน์ระดับสูง เช่น “ไทยต้องมีเทคโนโลยีควอนตัมภายในสิบปี” โดยขาดการเชื่อมต่อกับ “ต้นน้ำ” คือระบบการศึกษาและความเข้าใจของสังคมทั่วไป ผลที่เกิดขึ้นคือ แผนกลายเป็นเพียงเอกสารเชิงพิธีกรรม ไม่สามารถสร้างแรงกระเพื่อมทางความรู้ในหมู่ครู นักเรียน หรือนักวิจัยภาคสนาม
มุมของอาจารย์คือ “การจัดทำยุทธศาสตร์วิทยาศาสตร์ที่แท้จริง” ต้องมองวิทยาศาสตร์เป็นวัฒนธรรม มิใช่เป็นเพียงเครื่องมือทางเศรษฐกิจ เพราะหากสังคมยังไม่เห็นคุณค่าของการตั้งคำถามและการพิสูจน์ด้วยเหตุผล แผนใด ๆ ก็จะไม่อาจหยั่งรากในสำนึกของผู้คนได้เลย

๒) พื้นฐานของการทำแผนยุทธศาสตร์และการประเมินผล
เมื่อถามถึงวิธีทำแผนที่ดีอาจารย์ตอบทันทีว่า “ต้องเริ่มจากข้างล่าง”
“เราจะไปเริ่มจับตอนปลายแล้วหวังผลให้ผลิตอะไรต่าง ๆ ที่ฐานเราไม่มีเลย ฐานเราไม่มีเลยตอนนี้ … ”
คำพูดนี้ไม่เพียงสะท้อนถึงการขาด “โครงสร้างพื้นฐานทางความรู้” ของประเทศแม้จะผ่านวิทย์ยุคใหม่มากว่าสี่สิบปีแล้ว แต่ยังชี้ให้เห็นว่า การทำแผนในวงการวิทยาศาสตร์ไทยมักถูกครอบด้วยแนวคิด “เร่งผลิตผลงานเชิงปริมาณ” เช่น จำนวนสิทธิบัตรหรือบทความ โดยละเลยสิ่งที่ควรประเมินมากที่สุดคือ “ความเข้าใจของคนและคุณภาพของการเรียนรู้”
อาจารย์ได้ชี้ให้เห็นว่าการประเมินผลแผนวิทยาศาสตร์ไทยไม่เคยถามคำถามสำคัญว่า “เด็กนักเรียนรู้จักคำว่า ‘ควอนตัม’ หรือไม่?” หรือ “อาจารย์มหาวิทยาลัยมีเครื่องมือจริงในการสอนเรื่องนี้หรือเปล่า?” หากไม่เริ่มตั้งแต่จุดนี้ การประเมินผลใด ๆ ก็เป็นเพียงการวัดตัวเลขในกระดาษ
อีกปัญหาหนึ่งคือ “ความขาดตอนระหว่างรุ่น” — เด็กรุ่นใหม่อาจเรียนจากคลิป TikTok หรือ YouTube มากกว่าจากห้องเรียน แต่หน่วยงานวิทยาศาสตร์กลับไม่ผลิตสื่อที่อธิบายได้อย่างเข้าใจง่าย จึงประสงค์เสนอให้รัฐลงทุนใน
“การสื่อสารวิทยาศาสตร์สาธารณะ (Public Science Communication) จะเป็นฐานที่แท้จริงของยุทธศาสตร์วิทยาศาสตร์ในศตวรรษหน้า"

๓) วิจารณ์แผนที่นำทางเทคโนโลยีควอนตัม (พ.ศ. ๒๕๖๓–๒๕๗๒)
เมื่อพูดถึง “แผนที่นำทางเทคโนโลยีควอนตัมของประเทศไทย” ซึ่งเป็นหัวข้อหลักของการสนทนา อาจารย์สุทัศน์ให้ความเห็นอย่างตรงไปตรงมาว่า
“ผมรู้สึกว่าเขียนขึ้นมาแบบไม่ได้ดูพื้นฐานของความเป็นจริงปัจจุบันว่ามีใครทำบ้าง … เขียนไปว่าต้องมีนั่น ต้องมีนี่ แต่ใครจะทำ? ใคร commit (รับผิดชอบ) ตรงนี้?”
โดยย้ำว่าการจัดทำแผนระดับชาติควรผ่านการรับฟังความคิดเห็นของ “ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจริง” เช่น นักฟิสิกส์เชิงทดลอง แพทย์ที่ใช้เทคนิคภาพถ่ายรังสี นักโบราณคดี หรือวิศวกรอุตสาหกรรม แต่ในกรณีของแผนควอนตัมไทยกลับไม่มี “ประชาพิจารณ์” หรือการปรึกษากลุ่มวิชาชีพเหล่านี้เลย สำหรับอาจารย์
“‘ควอนตัม’ ไม่ควรถูกจำกัดอยู่ในห้องแล็บคอมพิวเตอร์หรือโลกของคริปโตกราฟี (วิทยาการรหัสลับ) เท่านั้น”
“เราไม่มีเครื่องมือของเราเอง”
โดยเมื่อได้ยกจากตัวอย่างการประยุกต์จริงในต่างประเทศมาสนทนาแล้ว จึงเรียกร้องให้แผนฯไทยมุ่งเน้นที่
“การใช้ควอนตัมเพื่อสังคม มากกว่าการสร้างภาพลักษณ์เชิงแข่งขัน”

๔) บทเรียนจากอดีตเมื่อประวัติศาสตร์ซ้ำรอย
“Superconductor (ตัวนำไฟฟ้ายวดยิ่ง) ... ตอนนั้นแห่กันทำศูนย์ซูปเปอร์คอนดักเตอร์ สุดท้ายไม่มีใครต่อยอด”
ศ.ดร.สุทัศน์ย้อนเล่าด้วยความขมขื่นถึงยุคอดีตที่ประเทศไทยเคยทุ่มงบและใจให้โครงการวิทยาศาสตร์แนว “ตามกระแสโลก” ตั้งแต่ตัวนำไฟฟ้ายวดยิ่งท้ายยุค 2520s ซึ่งซ้ำรอยตามต่อมาด้วย ฮอโลแกรม ไมโครฯ และ นาโนเทคโนโลยี ไปจนถึงโครงการฮาร์ดดิสก์แห่งชาติ และอีกมากมายแต่สุดท้ายไม่มีโครงการใดต่อยอดได้จริง เพราะขาดทั้งแรงสนับสนุนต่อเนื่องและระบบประเมินผลที่โปร่งใส โดยเปรียบว่า นี่คือ
“โรคประจำชาติของวงการวิทยาศาสตร์ไทย”
คือ การเริ่มจากความฝันอันยิ่งใหญ่ แต่ขาดความเข้าใจในข้อจำกัดของตนเอง
“เราเขียนแผนได้เหมือนประเทศมหาอำนาจ แต่ลืมไปว่าเราไม่มีจรวด และไม่มีคนพอที่จะขับมันไปไหนได้”
ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเช่นนี้จึงไม่ใช่เรื่องของเทคโนโลยี แต่คือวัฒนธรรมการบริหารที่ขาดการเรียนรู้จากอดีต ... ซึ่งเป็นเหตุผลเดียวกันกับที่ปรากฏจากบทสนทนาของผู้หลักผู้ใหญ่ท่านอื่น ๆ ที่ว่า “Learning history for the better future – เรียนรู้ประวัติศาสตร์เพื่ออนาคตที่ผิดพลาดน้อยลง”

๕) สิ่งที่ขาด สิ่งที่ควรแก้ และแนวทางใหม่ของยุทธศาสตร์ไทย
ในมุมของอาจารย์สิ่งที่ขาดที่สุดในแผนฯไม่ใช่เงินหรืออุปกรณ์ แต่คือ “คน”
“เราจะฝันต้องดูคนด้วย ต้องวิเคราะห์คน (ทำงานจริง) เพราะถ้าไม่มีคน งานไม่ออก”
อาจารย์สุทัศน์เล็งเห็นว่าระบบราชการไทยสร้างแรงจูงใจที่ผิดพลาด
นักวิจัยจำนวนมากมุ่งทำงานเพื่อเลื่อนตำแหน่งวิชาการ มากกว่าสร้างประโยชน์ให้สังคม เมื่อได้ตำแหน่งแล้วก็ “อิ่มตัว” ขาดแรงผลักให้เดินต่อ นี่คือวงจรที่ควรต้องยุติ
จึงเสนอแนวทางใหม่ว่า รัฐควรสร้าง “โครงการใหญ่ที่เชื่อมคนข้ามสถาบัน” เพื่อรวมพลังนักวิจัยรุ่นต่าง ๆ เข้าสู่เป้าหมายเดียว และให้ทุนแบบเปิดกว้างแก่ทีมภายนอก ไม่ใช่เฉพาะคนในหน่วยงานนั้น ๆ การมีความฝันเป็นสิ่งดี แต่ฝันต้องมี “คนทำได้จริง” รองรับ [ มิใช่ตัวเลขของนักวิจัยที่อุปโลกน์ขึ้นเพื่อแสดงความพร้อมต่อการรับงบประมาณ เช่นที่เคยปรากฏซ้ำ ๆ กับโครงการที่ผ่านมา ซึ่งจำนวนคนเหล่านั้นสูญหายไปยามสิ้นสุดงบวิจัย - (บรรณาธิการ) ]
เส้นทางที่อาจารย์สุทัศน์เสนอนี้แม้จะยาก หากมีประโยคที่น่าจดจำจากสังคมทั่วไปเรื่องการเปลี่ยนแปลงนี้เป็นเป้าหมายอยู่ นั่นคือ “แม้ความสำเร็จมีโอกาสเพียง 0.1% แต่ถ้า 0.1% นั้นสำเร็จ ผลจะสมบูรณ์แบบ” อันหมายถึง … ความหวังเล็ก ๆ หากเกิดขึ้นได้จริงจะยิ่งใหญ่นัก
๖) ของฝากแด่ผู้บริหารและคนรุ่นหลัง
ช่วงท้ายของการสนทนา อาจารย์สุทัศน์เอ่ยด้วยความเรียบง่ายแต่จริงใจว่า
“ถ้าวิถีของหน่วยงานรัฐยังอยู่กับภาครัฐ รับรางวัลและอวยกันเอง … มันจะยิ่งแย่หนัก เราต้องช่วยกันเบรก ไม่ใช่เบรกใครผิด แต่เบรกเพื่อบอกว่ามันมีแบบนี้อยู่ แล้วเรามาช่วยกันแก้”
![(อนึ่ง เช่นเดียวกับอาชญวิชาการ (academic dishonesty) ประเภทอื่น ๆ เวทีสถาปนาภาพลักษณ์ รางวัล และสรรเสริญตนกันเองเกิดขึ้นในวงการวิทย์ไทยส่งต่อรุ่นสุ่รุ่น กระทั่งเป็นวัฒนธรรมอุบัติซ้ำอย่างต่อเนื่อง อาทิ พ.ศ. 2562 2563/2564 2568 ทั้งกรณีรับ ”รางวัลที่เคยมอบ” “รับรางวัลสถาปนาใหม่จากอดีตผู้ใต้บังคับบัญชา” ฯลฯ [ #ปัญญาอลวน #ควอนตัมศรีธนญชัย ])](https://static.wixstatic.com/media/237ca4_86968b2fc27443ae8d2df289cda333a9~mv2.jpeg/v1/fill/w_980,h_551,al_c,q_85,usm_0.66_1.00_0.01,enc_avif,quality_auto/237ca4_86968b2fc27443ae8d2df289cda333a9~mv2.jpeg)
โดยย้ำให้ผู้บริหารและนักวิจัยรุ่นใหม่ต้องมี
“สำนึกควอนตัม” ในความหมายใหม่ — คือการรับรู้ถึงความไม่แน่นอนของโลก การไม่ยึดมั่นในความสำเร็จชั่วคราว และพร้อมเรียนรู้ร่วมกันอย่างต่อเนื่อง
และกล้าที่จะตั้งคำถามกับระบบดั้งเดิม [ เช่น จารีตอันหมิ่นเหม่ต่อ “ผลประโยชน์ทับซ้อน” (COI: conflict of interest) ของตลอดกว่าสี่สิบปีที่ผ่านมาแฝงอยู่กับเวทีภาพลักษณ์เช่นเดียวกับที่พบเห็นในสังคมวงการอื่น ๆ ทั้ง “นักบุญทุนสังคม” “ฮีโร่สองหน้า” “ความดีสีเทา” ฯ จะร่วมป้องกันและแก้ไขอย่างไร ? และขณะที่หน่วยงานวิทย์พรั่งพร้อมไปด้วยกำลังคนตำแหน่ง “ประชาสัมพันธ์ นักสื่อสารวิทยาศาสตร์ สื่อสารองค์กร ผู้ประสานงานภาพลักษณ์องค์กร ฯลฯ” ยามที่สังคมประสบเหตุวิทย์เทียมและเพื่อการแก้ไขคุณภาพชีวิต เวทีแถลงข่าวเชิงรุก (proactive) จึงเป็นสิ่งที่ภาคประชาชนวาดหวังระดับเดียวกับเวทีวิทย์ภาพลักษณ์ จะทำอย่างไรให้เกิดขึ้นได้จริง ? — (บรรณาธิการ) ]
สำหรับคนรุ่นหลัง อาจารย์ฝากไว้ด้วยว่า อย่ารอให้โครงสร้างเปลี่ยนก่อนแล้วค่อยเริ่ม แต่ให้ “เริ่มจากสิ่งที่ทำได้” แม้เพียงการสร้างคลิปอธิบายฟิสิกส์ให้คนดูเข้าใจ หรือ
การทำให้เด็กมัธยมคนหนึ่งรู้สึกว่าวิทยาศาสตร์ไม่ใช่เรื่องไกลตัว ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนประเทศได้เช่นกัน !
๗) สังคมวิทยาและระบบวิทยาศาสตร์ไทย
เนื้อหาจากการสนทนาครั้งนี้มิใช่เพียงการวิจารณ์แผนที่นำทางควอนตัมไทย แต่คือกระจกสะท้อนวัฒนธรรมทางวิทยาศาสตร์ของประเทศทั้งระบบ ได้แก่
๑) วิทยาศาสตร์ไทยยังเป็นระบบบนลงล่าง (Top-down Science) แผนยุทธศาสตร์มักเกิดในห้องประชุม มากกว่าในห้องเรียนหรือบทดลองของครู นักเรียน และนักวิจัยภาคสนามหรือการมีส่วนร่วมจากระดับล่าง
๒) ขาดการสื่อสารกับสาธารณะงานวิทยาศาสตร์ไทยมักถูกนำเสนอในรูป “ข่าวประชาสัมพันธ์ผู้บริหาร” มากกว่าการให้ความรู้สาธารณะ ผลคือประชาชนไม่รู้ว่าเงินภาษีที่ใช้ในโครงการเหล่านี้ให้ประโยชน์อะไรกับตน
๓) การเรียนรู้จากอดีตยังไม่ฝังในระบบโครงการใหญ่หลายชุดในอดีตล้มเหลวโดยไม่มีการวิเคราะห์สาเหตุอย่างเป็นระบบ จึงเกิดการ “ซ้ำรอย” ครั้งแล้วครั้งเล่า
๔) ความหวังยังมีอยู่โดยยืนยันว่า “ถ้ามีคนเข้าใจจริงเพียงหนึ่งในพัน ก็เพียงพอให้ประเทศก้าวไปข้างหน้าได้”

บทสรุป
“วิทยาศาสตร์คือวัฒนธรรมแห่งการเรียนรู้ร่วมกัน” -- เสียงของ ศ.ดร.สุทัศน์ ยกส้าน ในบทสนทนานี้ไม่ใช่เสียงตำหนิ แต่คือเสียงของผู้เฝ้ามองความเปลี่ยนแปลงด้วยความรักต่อวงการวิทยาศาสตร์ไทยมาร่วมครึ่งศตวรรษ เตือนให้มองเห็นว่า ความล้มเหลวมิใช่ความอับอาย หากกล้ายอมรับและเรียนรู้จากมัน “เรียนรู้ประวัติศาสตร์เพื่ออนาคตที่ผิดพลาดน้อยลง” จึงมิใช่เพียงคำขวัญ แต่ควรเป็นสัญญาใจของเหล่านักวิทยาศาสตร์ว่าจะไม่หยุดตั้งคำถาม และจะไม่ปล่อยให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยจารีตนิยมที่ปฏิบัติต่อเนื่องกันมาโดยไร้บทเรียนอีกต่อไป
(๒๕ กันยายน ๒๕๖๘) -- IEEE ComSoc & QuantumIT Thailand
| “เข็มทิศควอนตัมไทย” | บทวิพากษ์แผนที่นำทางและเสียงทักเตือน | ศ.ชิดชนก เหลือสินทรัพย์ | October 2025 |
โครงการหนึ่งร้อยปีควอนตัมโลก ครึ่งศตวรรษควอนตัมไทย
100th World & 50th Thai Quantum S&T Anniversary
(เวปหลักโครงการ - Officiall Web)
(รายละเอียดและกิจกรรม - Updated activities)
The Sesquicentennial of Thai Telecommunications
(เวปหลักโครงการ - Main Web)
(รายละเอียดและกิจกรรม - Updated activities)
"เรียนรู้ประวัติศาสตร์ เพื่ออนาคตที่ผิดพลาดน้อยลง"
IEEE ComSoc Oral History -- สนับสนุนโดย
สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)
หน่วยงานหลัก (Organizer)
และภาควิชาฟิสิกส์และวัสดุศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
หมายเหตุ:
ร่วมเสนอแนะ สนับสนุน ประสานกิจกรรมได้ที่
contact email: thailand_chapter@comsoc.org
Alliance:
Disclaimer:
#ThaiTelecom150 & IYQ #ThaiYQ2025 - a public serving project by volunteers
no conflict of interest & none of personal agenda involved
๐
Welcome volunteers !
๐
ชุดคอลัมน์ 'เตือนใจควอนตัมไทย'
“เรียนรู้ประวัติศาสตร์ เพื่ออนาคตที่ผิดพลาดน้อยลง”





























































ความคิดเห็น