“เข็มทิศควอนตัมไทย” | บทวิพากษ์แผนที่นำทางและเสียงทักเตือน | ศ.ชิดชนก เหลือสินทรัพย์ | #ThaiTelecom150 #WorldQuantum100 #ThaiQuantum50 | “ควอนตัมศรีธนญชัย” | October 2025 |
- K Sripimanwat

- 19 ต.ค.
- ยาว 2 นาที
อัปเดตเมื่อ 7 พ.ย.
สนทนาข้อเสนอแนะต่อการปรับปรุง แก้ไขยุทธศาสตร์ นโยบายและแผนงานในแผนที่นำทางการพัฒนาเทคโนโลยีควอนตัมของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๓ – ๒๕๗๒ และบทวิพากษ์ “ควอนตัมศรีธนญชัย”

(บทนำ) -- ท่ามกลางกระแส “ควอนตัมฟีเวอร์” ที่เกิดขึ้นทั่วโลก รัฐบาลหลายประเทศต่างประกาศลงทุนในเทคโนโลยีควอนตัมอย่างเร่งด่วน ตั้งแต่การประมวลผลข้อมูลระดับอะตอม ไปจนถึงการเข้ารหัสข้อมูลที่ไม่อาจถอดได้ด้วยคอมพิวเตอร์ทั่วไป สำหรับในประเทศไทย ความเข้าใจต่อ “ควอนตัม” ยังผสมผสานระหว่างความคาดหวังกับความสับสน ทั้งในเชิงวิทยาศาสตร์และจากตัวนโยบายที่เกี่ยวข้อง ศาสตราจารย์ ดร.ชิดชนก เหลือสินทรัพย์ ราชบัณฑิตและนักวิจัยชั้นนำด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยคือหนึ่งในนักวิชาการไทยที่วิเคราะห์เชิงลึกถึงยุทธศาสตร์เทคโนโลยีควอนตัมของชาติ โดยมีข้อสังเกตพร้อมเสนอแนวทางแก้ไขอย่างมีหลักวิชา จากการสนทนาจิบชายามบ่ายนำพามาซึ่งการถ่ายทอดมุมมองที่หนักแน่นและกว้างขวางดั่งการร่ายมนต์จาก “นักคณิตศาสตร์ที่มองโลกควอนตัม” และ “นักวิจัยวิพากษ์นโยบายวิทย์”
๑) คณิตศาสตร์ของความไม่แน่นอน ‘ควอนตัม’ ในสายตาของวงการคอมพิวเตอร์

“ควอนตัม” คำสองพยางค์นี้มักสร้างความรู้สึกตื่นตาในหมู่คนทั่วไป เหมือนเป็นพลังเหนือธรรมชาติที่สามารถแก้ปัญหาได้ทุกอย่างในพริบตา แต่ในมุมนักคอมพิวเตอร์ของอาจารย์ชิดชนก ความจริงกลับเรียบง่ายกว่านั้นมาก โดยอธิบายด้วยคำสั้นไว้ว่า “quantum computing (การคำนวณเชิงควอนตัม) เป็นการประยุกต์หลักคณิตศาสตร์และฟิสิกส์เชิงสถิติเพื่อให้คอมพิวเตอร์สามารถ 'เดาอย่างมีระบบ' ในพื้นที่ความเป็นไปได้ที่ใหญ่มหาศาล !"
อาจารย์ยกมาพร้อมด้วยตัวอย่าง “ปัญหาพ่อค้านักเดินทาง” ที่ต้องหาวิธีเดินทางผ่านทุกเมืองหนึ่งครั้งแล้วกลับมาจุดเริ่มต้นด้วยระยะทางสั้นที่สุด หากคำนวณแบบตรงไปตรงมา จำนวนความเป็นไปได้จะโตเป็นแบบแฟกทอเรียล (เช่น 70 เมืองจะมีความเป็นไปได้ 70! หรือรวมแนวทางได้ตัวเลขมากถึงจำนวน 101 หลักทีเดียว) ซึ่งใหญ่จนคอมพิวเตอร์ใด ๆ ในโลกไม่สามารถคำนวณได้หมด “เพราะฉะนั้นเราต้องเดา — แต่ไม่ใช่เดาแบบสุ่ม มันคือการเดาอย่างมีระบบ” อาจารย์กล่าว พร้อมหัวเราะเบา ๆ ก่อนเสริมว่า “เดาแบบมีสมการกำกับอยู่ นั่นแหละคือควอนตัม”
อธิบายเพิ่มได้ว่า “ควอนตัม” ในมุมคณิตศาสตร์คือการใช้ตัวแทนเชิงโอกาสของข้อมูล ซึ่ง คิวบิต (qubit) หน่วยประมวลผลไม่ได้อยู่ที่ค่า “ศูนย์” หรือว่า “หนึ่ง” แต่เป็นการซ้อนทับ (superposition) ของทั้งสองสถานะ การประมวลผลด้วยหลักการนี้ทำให้สามารถประเมิน “ทุกความเป็นไปได้ในคราวเดียว” แต่ไม่ใช่ในเชิงพลังมหัศจรรย์อย่างที่มักเข้าใจ (และที่คิดผิดกันไปเองว่า คอมพิวเตอร์ควอนตัมจะมาแทนคอมพิวเตอร์ทั่วไปได้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องจริง)
“มันเป็นการขยายพื้นที่ของการคำนวณโดยใช้สมการเชิงเส้น ซึ่งสุดท้ายก็ต้อง collapse (ยุบ) กลับมาเป็นคำตอบใดคำตอบหนึ่ง”
อาจารย์ยังเตือนว่า แม้คอมพิวเตอร์ควอนตัมจะถูกยกย่องว่าเหนือกว่าของยุคปัจจุบัน (classical computer) แต่ในเชิงทฤษฎีมันยังมีข้อจำกัดเดิมอยู่
“state space มันโตเร็วมาก ข้อจำกัดทางวิศวกรรมยังใหญ่มากกว่าความฝัน”
โดยยังชี้ว่าคอมพิวเตอร์ควอนตัมที่มีอยู่จริงในปัจจุบันเป็นเพียง “เครื่องเฉพาะทาง” เช่น การแยกตัวประกอบจำนวนเฉพาะด้วยอัลกอริทึมของชอร์ (Shor’s Algorithm) หรือการเร่งปัญหาบางประเภท (ที่ใช้ quantum parallelism) ได้จริง “มันไม่ใช่เครื่องที่ใช้พิมพ์เวิร์ด (MS word) ได้” …

ในทางนโยบาย อาจารย์เสนอให้ประเทศไทยมองเทคโนโลยีควอนตัมเป็นโอกาสความเป็นไปได้มากกว่า “โครงการเดี่ยวที่ต้องมีผลงานในสามปี” และให้แบ่งการลงทุนออกเป็น 3 ระดับชัดเจนทั้ง งานพื้นฐาน (Fundamental Theory) วิจัยในเชิงคณิตศาสตร์และฟิสิกส์ควอนตัม เช่น การจำลองสถานะพลังงานและสมการเชิงเวลาของระบบงานเครื่องมือ (Tools & Simulation) การสร้างซอฟต์แวร์จำลองระบบควอนตัม เพื่อให้คนไทยได้ฝึกเขียนอัลกอริทึมโดยไม่ต้องมีเครื่องจริง และงานประยุกต์ (Prototype) การพัฒนาเครื่องต้นแบบและการวัดค่าทดลองจริง

๒) ระหว่างฟิสิกส์กับการเมือง เมื่อยุทธศาสตร์ชาติขาดนักวิทยาศาสตร์ตัวจริง
“อย่าเอาอธิบดีมานั่งทำแผนควอนตัม เพราะเขาไม่รู้ว่าควอนตัมคืออะไร”
ในช่วงที่ประเทศไทยจัดทำ “แผนที่นำทางการพัฒนาเทคโนโลยีควอนตัม พ.ศ. 2563–2572” ศ.ชิดชนก มีส่วนร่วมในวงสนทนาของนักวิทยาศาสตร์หลายแห่ง โดยกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า
“แผนมันสวย แต่เขียนโดยคนที่ไม่ได้เข้าใจมัน”
อาจารย์เล่าว่าแผนควอนตัมไทยถูกขับเคลื่อนจากบนลงล่าง (top-down) มีเป้าหมายเป็นงบประมาณและชื่อโครงการมากกว่าการนิยามโจทย์เชิงวิทยาศาสตร์ “เวลาทำแผน เราไม่ควรถามว่า ‘จะใช้เงินเท่าไร’ แต่ควรถามว่า ‘อยากรู้คำตอบอะไร’ นั่นคือจุดเริ่มต้นของวิทยาศาสตร์”
พร้อมยกตัวอย่างของประเทศจีนว่า แผนเอไอ (AI) และควอนตัมของพวกเขานำโดย “Chinese Academy of Sciences (CAS)” ซึ่งเป็นองค์กรนักวิทยาศาสตร์ตัวจริง ขณะที่ของไทยกลับอยู่ในมือหน่วยงานบริหาร
“นักบริหารเขาเก่งเรื่องงบ แต่ไม่รู้จักสมการชโรดิงเจอร์ (Schrödinger)” !

และเสนอให้ปรับโครงสร้างยุทธศาสตร์ควอนตัมไทยใหม่ โดยตั้งคณะกรรมการกลางที่นำโดยนักวิจัย ไม่ใช่ข้าราชการ และแยก “เป้าหมายเชิงพื้นฐาน” กับ “เชิงประยุกต์” ออกจากกัน “คำว่าขึ้นห้างหรือขึ้นหิ้ง ประโยคนี้ต้องทิ้งไป” ไม่นำมาผสมปนเปในที่เดียวกัน
“แผนเราชอบเขียนคำว่า ‘สร้างเศรษฐกิจควอนตัม’ ทั้งที่ยังไม่มีใครเขียนอัลกอริทึมควอนตัมทั่วไปได้แบบที่มีในคอมพิวเตอร์ทั่วไป” และ “อย่าให้แผนควอนตัมกลายเป็นแผนประชาสัมพันธ์” !
๓) ภาพลวงของความล้ำสมัยกับบทวิพากษ์การสื่อสารเชิงนโยบายและหนังสือ “ควอนตัมศรีธนญชัย”
“พลังงานควอนตัมมันเป็นก้อน แล้วก้อนพลังงานจะไปลดความเหลื่อมล้ำของสังคมได้ยังไง?”
อาจารย์ชิดชนก หัวเราะเบา ๆ เมื่อพูดถึงคำขวัญของหน่วยงานบางแห่งที่บอกว่า “ควอนตัมเพื่อความเท่าเทียม” เขากล่าวว่า “มันฟังดีนะ แต่ฟิสิกส์มันไม่เกี่ยวเลย!”
โดยเห็นว่าปัญหาสำคัญของนโยบายเทคโนโลยีไทยคือ “ความเข้าใจผิดที่กลายเป็นนโยบาย” รัฐฯมักใช้ถ้อยคำหรู เช่น “ควอนตัมจะปฏิวัติประเทศ” “ควอนตัมจะยุติความเหลื่อมล้ำ” แต่ไม่สามารถอธิบายได้ว่า “อย่างไร” ซึ่งเคยเกิดเรื่องทำนองนี้ขึ้นโดยเงียบหายไปแล้วกับ “บิ๊กเดต้า (big data)” ของวงการคอมพิวเตอร์นั่นเอง
ในส่วนของหนังสือ “ควอนตัมศรีธนญชัย” อาจารย์มองว่าเป็นสัญลักษณ์ของ “การเล่นคำ” ที่สะท้อนวัฒนธรรมราชการไทย คือพยายามนำคำใหม่ ๆ มาผูกกับสำนึกเก่า ๆ เพื่อให้ดูร่วมสมัย
“ศรีธนญชัยในโลกควอนตัม มันคือข้าราชการที่พูดคำว่าควอนตัมโดยไม่เข้าใจมัน”
และวิพากษ์ว่า การใช้คำศัพท์เชิงวิทยาศาสตร์โดยไม่มีเนื้อหาจริง ทำให้สาธารณะเข้าใจผิด และทำให้วงการวิทยาศาสตร์เสียความน่าเชื่อถือ “พูดเยอะจนคนคิดว่าเรามี แต่พอถามว่าอยู่ที่ไหน มันไม่มี”
ทั้งเสนอให้รัฐวางแนวทางสื่อสารทางวิทยาศาสตร์ที่กำหนดให้ทุกหน่วยงานต้องระบุ “ระดับความพร้อมทางเทคโนโลยี” (Technology Readiness Level – TRL) ในเอกสารสื่อสารทุกฉบับ และต้องมีส่วน “ข้อจำกัด” หรือ “สิ่งที่ยังทำไม่ได้” เสมอ เพื่อให้สาธารณะเข้าใจขอบเขตความเป็นจริงของเทคโนโลยี
โดยย้ำว่า การให้ความรู้แก่ประชาชนไม่ใช่การ “ทำให้ตื่นเต้น” แต่คือการ “ทำให้เข้าใจ”
“ถ้าสื่อสารดีคนจะอยากรู้ต่อ ถ้าสื่อสารเกินจริงคนจะหมดศรัทธา”
ผู้บริหารจึงควรทำให้ประชาชนเข้าใจ ควรให้ข้อมูลที่ถูกต้องมิใช่เพียงให้ควอนตัมกลับมา “ทำให้ผู้บริหารดูดี ขึ้นเวที ถ่ายภาพ ยกนิ้ว(โป้ง)” …

๔) จากประวัติศาสตร์สู่อนาคตกับข้อเสนอเชิงนโยบาย
ช่วงท้ายของการสนทนา ศ.ชิดชนก กล่าวถึง “ความจำเป็นของการเรียนรู้จากอดีต” โดยเชื่อว่าความผิดพลาดในนโยบายวิทยาศาสตร์ไทยส่วนใหญ่เกิดจาก “การเริ่มใหม่โดยไม่เรียนรู้ของเดิม” โครงการมากมายเกิดขึ้นเพราะกระแส แต่สิ้นสุดโดยไม่มีการสรุปบทเรียน “เราไม่เคยทำ post-mortem (การวิเคราะห์เหตุการณ์หลังจากสิ้นสุด) เลย เราแค่ประกาศว่าโครงการสำเร็จ แล้วก็จบ” มีตัวอย่างจากประเทศจีนที่ลงทุนในงานวิจัยพื้นฐานนานกว่า 30 ปีโดยไม่หวังผลทันที
“เพราะเขารู้ว่า ถ้าไม่เข้าใจพื้นฐาน ก็ไม่มีทางสร้างเทคโนโลยีได้จริง”
และบทวิพากษ์ที่เข้มข้นที่สุดคือการเตือนถึงความเสี่ยงของการประนีประนอมกับ "ความผิดพลาดทางวิชาการ" ซึ่งเป็นที่มาของคำเปรียบเปรย “ควอนตัมศรีธนญชัย” อันหมายถึงการใช้ความฉลาดแกมโกง หรือการบิดเบือนข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์เพื่อสร้างสิ่งที่ดูดีแต่ไร้สาระ
“วิชาการไม่มีการยอม” ต้องถูกหรือผิด
อาจารย์ชิดชนก ย้ำถึงหลักการพื้นฐานที่นักวิชาการทุกคนต้องยึดถือ สิ่งที่ปรากฏในธรรมชาติมีเพียง "ถูกหรือผิด" และต้องมีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์อธิบายได้เสมอ โดยยกตัวอย่างว่าความผิดพลาดทางวิชาการที่เกิดขึ้นในแผนงานนี้ อาจไม่ใช่ความผิดพลาดแบบที่สามารถแก้กลางคันได้ การพยายามแก้ไขแผนที่เริ่มต้นผิดนั้น เปรียบเสมือนการ “แก้ซอฟท์แวร์ที่เริ่มต้นผิดแล้วแก้บั๊ค (bug) กันอยู่ข้างในนั้น” ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องและจะก่อให้เกิดปัญหาตามมาอย่างไม่สิ้นสุด ทางออกเดียวคือ “หยุด"
“เมื่อรู้ว่ามาผิดทาง ต้องรีบเลิก หาทางใหม่ที่ถูกต้อง อย่าเสียดายสิ่งทึ่ผิด”
ข้อเสนอแนะที่อาจดูว่าแข็งกร้าวแต่มีความรับผิดชอบสูงต่อประเทศชาตินี้สื่อความหมายลึก ๆ ที่ว่าการไม่หยุดและเดินหน้าต่อไปเพราะเสียดายเวลาหรือเงินทุนที่ลงไปแล้ว จะทำให้ความผิดพลาดนั้นกลายเป็น "ค่านิยมที่ผิด" ในวงการวิชาการไทย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อคนรุ่นหลังที่เข้าใจว่าการประนีประนอมกับความไม่ถูกต้องทางวิทยาศาสตร์เป็นสิ่งที่ยอมรับได้ พร้อมด้วยประโยคตามหลังมาเน้นย้ำให้อีกครั้งว่า ...
“พระพุทธเจ้าใช้วิธีทรมานตัวเองตามแนวนักบวชในศาสนาฮินดูเพื่อบูชาขอพรจากเทพเจ้า และพระองค์พบว่าผิดแนวทาง กลับมาเดินทางใหม่ที่ถูกต้อง ตรัสรู้ความจริงของจักรวาล” !
บทสรุป -- ข้อเสนอของ ศ.ดร.ชิดชนก เหลือสินทรัพย์ ไม่ได้เป็นเพียงการวิพากษ์ยุทธศาสตร์เทคโนโลยีควอนตัมของประเทศไทยพร้อมแนวทางแก้ไขไว้ให้เท่านั้น แต่ยังเป็น “กระจกสะท้อนวัฒนธรรมทางวิทยาศาสตร์ของสังคมไทย” ที่ยังสับสนระหว่าง “ความรู้” กับ “ภาพลักษณ์” โดยชี้ให้เห็นว่าการพัฒนาเทคโนโลยีไม่อาจเริ่มจากเครื่องจักรหรือแผนงาน แต่ต้องเริ่มจาก “ความเข้าใจ” และ “ความซื่อสัตย์ต่อข้อเท็จจริง” หากประเทศไทยสามารถนำข้อเสนอเหล่านี้มาใช้ได้จริง ประเทศไทยอาจจะมีโอกาสเข้าสู่ยุคควอนตัมอย่างมีสติ มากกว่าด้วยภาพฝัน จะเป็นเข็มทิศให้วงการวิทยาศาสตร์ไทยเดินไปข้างหน้าได้จริงจังและอย่างมั่นคง -- “ผู้บริหารควรต้องมีความรู้อยู่บ้าง … ควรไปหาความรู้บ้าง จะได้ไม่ถูกข้างล่างหลอก”
-- (สนทนา ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๘ - จามจุรีสแควร์)
โครงการหนึ่งร้อยปีควอนตัมโลก ครึ่งศตวรรษควอนตัมไทย
100th World & 50th Thai Quantum S&T Anniversary
(เวปหลักโครงการ - Officiall Web)
(รายละเอียดและกิจกรรม - Updated activities)
The Sesquicentennial of Thai Telecommunications
(เวปหลักโครงการ - Main Web)
(รายละเอียดและกิจกรรม - Updated activities)
"เรียนรู้ประวัติศาสตร์ เพื่ออนาคตที่ผิดพลาดน้อยลง"
IEEE ComSoc Oral History -- สนับสนุนโดย
สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)
หน่วยงานหลัก (Organizer)
และภาควิชาฟิสิกส์และวัสดุศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
หมายเหตุ:
ร่วมเสนอแนะ สนับสนุน ประสานกิจกรรมได้ที่
contact email: thailand_chapter@comsoc.org
Alliance:
Disclaimer:
#ThaiTelecom150 & IYQ #ThaiYQ2025 - a public serving project by volunteers
no conflict of interest & none of personal agenda involved
๐
Welcome volunteers !
๐
ชุดคอลัมน์ 'เตือนใจควอนตัมไทย'
“เรียนรู้ประวัติศาสตร์ เพื่ออนาคตที่ผิดพลาดน้อยลง”






























































ความคิดเห็น